เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๗ ก.ค. ๒๕๕o

 

เทศน์เช้า วันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๕๐
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

มันก็ธรรมวินัย เห็นไหม ธรรมและวินัย วินัยเป็นกฎหมาย เราสร้างกฎหมายกันมา แล้วคนถ้าไม่มีศีลธรรมในหัวใจ ก็ถูกต้องตามกฎหมาย แล้วก็เลาะกฎหมายกันไป กฎหมายนี่เอามาใช้หาเงินกันได้มากเลย คนที่ใช้กฎหมาย เราเวลามีปัญหาขึ้นมาเรื่องกฎหมาย เราจะต้องไหว้วานเขา เห็นไหม เรื่องของกฎหมาย มันทำคุณงามความดีก็ได้ ถ้าคนมีศีลธรรมนะ กฎหมายนี่เป็นประโยชน์มากเลย ช่วยเหลือคนได้ไง แต่ถ้าคนไม่มีศีลธรรมนะ กฎหมายเอาไว้หาเงินหาทองได้มหาศาลเลย เห็นไหม นี่วินัย

ธรรมและวินัย วินัยนี่มันเป็นเรื่องของหยาบ ๆ เรื่องของสังคม เรื่องของการบังคับใช้สังคมไง บังคับสังคมให้อยู่ในกฎระเบียบ ถ้ากฎหมายมันเป็นสิ่งที่วิเศษนะ เราจะไม่มีโจร ไม่มีขโมย ไม่มีคนโกง มีแต่คนดีทั้งนั้นเลย ทำไมมันโกง มันขโมยกัน มันทำกัน กฎหมายก็คือกฎหมาย มันก็บังคับใช้นั่นล่ะ มันอยู่ที่หัวใจเรา ถ้าหัวใจคนยอมรับนะ มันทำไม่ได้ เพราะอะไร ? เพราะมันขัดมันจับความรู้สึก เห็นไหม คือว่ามันมีความรู้สึก มันมีธรรมก่อน

ถ้ามันมีธรรมขึ้นมาในหัวใจ เราทำบุญกุศลกัน มันก็เหมือนกับเรื่องของอามิส ทานที่เป็นอามิสเรายังทำกันแสนยากเลย ดูสิ เราแสวงหามา ทำมาเพื่อใจ ๆ แล้วทุกคนจะบ่นอย่างนี้ทุกคนนะ ทำบุญมหาศาลเลย ไม่เห็นได้บุญอะไรขึ้นมาเลย

เราไปมองบุญกันที่ไหนล่ะ เราถ้าไปมองบุญกันที่วัตถุ วัตถุก็คือวัตถุ มันก็ต้องได้มาด้วยอำนาจวาสนาของแต่ละบุคคล แต่บุญกุศลมันอยู่ที่ความพอใจนะ ดูสิ เอาเด็ก ๆ มา เราให้ของมัน มันดีใจไหม ? เราให้ของเด็ก ๆ เด็ก ๆ มันพอใจไหม ? นี่ความสุขแล้ว นี่บุญ บุญคือยิ้มแย้มแจ่มใสไง มันมีความสุขกับเราเห็นไหม สายตามันรับของจากเราไป มันมีความพอใจ บุญอยู่ตรงนี้ต่างหากล่ะ บุญอยู่ค่าของใจ ค่าของความสุขอันนี้ ค่าของความรู้สึกอันนี้มันเป็นผลบุญ เรื่องวัตถุมันเทียบเคียงกันไม่ได้

ดูสิ เราเกิดมาสูง ต่ำ ดำ ขาว ไม่เหมือนกัน สิ่งที่สูง ต่ำ ดำ ขาวไม่เหมือนกัน เราจะเรียกร้องมาจากอะไรล่ะ นี่ก็เหมือนกัน สิ่งที่วัดเป็นวัตถุไง สูง ต่ำ ดำ ขาว นี่เป็นเรื่องของวัตถุนะ เป็นเรื่องของร่างกาย ร่างกายนี้วัตถุอันหนึ่งนะ เกิดมามีอาหารหล่อเลี้ยงมัน จนกว่าถึงวันจะตายไป แต่ความสุขความทุกข์มันอยู่ที่ใจเรา ถ้าเราพอใจ เราสูง ต่ำ ดำ ขาวขนาดไหน ถ้าเราสุขของเรา เขาจะติฉินนินทาขนาดไหนก็สุขของเรา

มันเรื่องของข้างนอก ใจเขาใจเรา ใจของเขา ไม่ใช่ใจของเรา ใจของเขา เขาจะมีความมืดบอดขนาดไหนก็เรื่องของเขา แต่ถ้าใจของเรานะ เราเปิดใจของเราขึ้นมา แล้วเปิดเปิดอย่างไร ถ้าเราไปเลาะตามกฎหมาย มันเข้าไม่ถึงใจ ถ้าเลาะตามกฎหมายนะ แต่ตามกฎหมายก็ต้องมีไว้ ศีล เห็นไหม ทาน ศีล ภาวนา เรื่องของทาน เรื่องของศีล เรื่องข้อบังคับกติกา หรือบังคับใจเรา ถ้าใจเรามันต้องการในความที่ผิดพลาด เราต้องเบรก ต้องบังคับไม่ให้ทำ เห็นไหม ถ้ามีทำครั้งที่ ๑ จะมีครั้งที่ ๒ ครั้งที่ ๓ ต่อ ๆ ไปเรื่อยนะ เราต้องเบรก ต้องบังคับ

แต่เวลาทำคุณงามความดีล่ะ มันต้องมีคันเร่ง พอทำคันเร่งขึ้นมา นี่ความอยากที่เป็นมรรค ความอยากที่เป็นคุณงามความดี อยากทำคุณงามความดี ถ้ามันไม่อยากเป็นความผิดพลาดหมดเลย เด็กไม่ต้องมีการศึกษา ไม่ต้องให้มันทำอะไรเลย เพราะมันต้องเป็นความยุ่งยากของมัน เห็นไหม ความอยากที่เป็นคุณงามความดีต้องขยันหมั่นเพียร ความขยันหมั่นเพียรนะ นี่ความเพียรชอบ ความเพียรชอบอยู่ในมรรค ๘

ความเพียรที่ไม่ชอบ เพียรอุตสาหะขนาดไหน ถ้ามันไม่ชอบ เห็นไหม สอยเข็ม ถ้าเราสอยเข็ม สอยทางปลายมันจะเข้าเข็มได้ไหม รูเข็มมันอยู่ทางโคน สอยรูเข็ม เราจะเอาด้ายสอยเข็ม เราก็ต้องสอยให้ถูกทาง นี่ความเพียรชอบ ถ้าความเพียรชอบ มันต้องชอบ ต้องถูกต้อง ต้องดีงามด้วย มันถึงจะเข้ามา ถ้าความเพียรไม่ชอบนะ มันทำไปอย่างนั้นละ ทำแล้วมันได้แต่ประสบการณ์เฉย ๆ ไม่ได้ความถูกต้องเลย แต่ถ้าเป็นความเพียรชอบจะกลับเข้ามาจากภายใน ความเพียรชอบ ชอบจากข้างนอก ชอบจากข้างใน

ชอบจากข้างนอกนี่เราขวนขวาย เราพยายามขวนขวายกัน ชีวิตนี้เราต้องขวนขวาย ถ้าไม่ขวนขวาย ทำไม ดูสิ ดูอย่างองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์นะ เป็นศาสดานะ ทำไมท่านต้องออกเมตตารื้อสัตว์ขนสัตว์ ต้องธุดงค์ไป ต้องเผยแผ่ไป เห็นไหม ถ้ามันอยู่เฉย ๆ ไม่มีความสุขอยู่หรือ ถ้าอยู่เฉย ๆ จะมีความสุขกว่า แต่ความเพียรชอบจากภายในไง มันเมตตาสงสาร มันเมตตานะ

คนเราถ้าเปลี่ยนโปรแกรมได้ ความคิดและพฤติกรรมจะเปลี่ยนหมดเลย ถ้าคนเราจะเปลี่ยนโปรแกรมของเราไม่ได้ในหัวใจนี่ พฤติกรรมก็ซ้ำรอยอยู่อย่างนั้น เปลี่ยนโปรแกรม ถ้าเปลี่ยนโปรแกรม ก็เอาอะไรไปเปลี่ยนมันล่ะ ก็เอาความรู้สึกไปเปลี่ยนมัน เพราะมันอยู่ในหัวใจใช่ไหม ความรู้สึกมันจะกระท้อนไปความรู้สึกของเราเลย ถ้าความรู้สึกของเรา โอ๊ะ...อันนี้เป็นความผิด อันนี้เป็นความกระทบกระเทือนเขา อันนี้สร้างเหตุที่ไม่ดีขึ้นมา

เพราะอะไร ? เพราะการสร้างอันนี้มันจะให้ผลกับเรานะ การกระทำทุกอย่างมันมีผลตอบสนองกลับมา โลกนี้ไม่มีของฟรีหรอก การเกิดมา การเคลื่อนไหวไป มีหมด เราเคลื่อนไหว เราไป ดูเวลาเดินจงกรมสิ เดินไปเดินกลับ ๆ เห็นไหม ได้อะไรมา ได้เหงื่อมา ได้ทางวัตถุนะ แต่หัวใจถ้ามันผ่องแผ้วนะ ในทางจงกรม มันจะเข้าใจ มันสลดสังเวชในหัวใจนะ ชีวิตเป็นอย่างนี้ ความเกิดมาเป็นอย่างนี้ เห็นไหม สงสารพ่อสงสารแม่

คนบวชใหม่เป็นอย่างนั้นหมดนะ พอบวชแล้วคิดถึงพ่อคิดถึงแม่เลย เพราะอะไร เหมือนกับเราเลย ไปเจอสิ่งใดที่มันประทับใจ อยากให้คนอื่นเห็นดีเห็นงามไปกับเรา นี่ขนาดที่ว่าเริ่มต้นจากความเห็นจากภายในที่ใจมันผ่องแผ้วเท่านั้นนะ ถ้ามันจิตสงบเข้ามามันจะมหัศจรรย์ไปกว่านี้อีก เวลาจิตมันสงบนะ ความสงบอย่างนี้ไม่มี สุข สงบเฉย ๆ นี้เป็นสมาธินะ มันยังไม่ใช่ความเพียรชอบ ความเพียรขึ้นมา ความเพียรเพื่อหา...

ทำอาหารต้องมีวัตถุดิบ ถ้าไม่มีวัตถุดิบอาหารจะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร จะฆ่ากิเลสมันต้องมีศีล สมาธิ ปัญญา แล้วนี่แค่ความสงบของใจ เรื่องของศีล เรื่องของกติกา ที่เรื่องกรอบของใจเข้ามา ถ้ามันเป็นกิเลสมันก็เลาะไป อย่างนี้ไม่ผิด ๆ ๆ มันความพอใจหมดเลย แต่ถ้ามันเป็นธรรมนะ ไม่ทำ สงสัยก็ไม่ทำแล้ว อย่างนี้ไม่ควรทำเลย เพราะทำแล้วมันจะเศร้าหมอง พอเศร้าหมองไปแล้ว ทำความสงบของใจ ทำความเพียร ศีล สมาธิ พอจะเกิดสมาธิขึ้นมา มันจะเข้ามาไม่ได้ เพราะอะไร ? เพราะมันลังเลสงสัย นั่นก็ทำแล้ว นี่ก็ทำแล้ว สิ่งนี้ทำแล้วมันผิดหรือผิดพลาด แต่ถ้ามันไม่ทำเสียเลย มันก็ไม่ผิด ไม่ทำเสียเลยก็มโนกรรมไง ไม่ต้องคิด ไม่ต้องไปคิดให้มันยอกใจ เห็นไหม

นี่มันเป็นศีล แล้วเกิดเป็นสมาธิ ความสงบอย่างนี้ นี่ศีล สมาธิ ปัญญา มันเป็นเครื่องมือ ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นเครื่องมือเท่านั้น ไม่ใช่ผล ผลของมัน ความสงบของใจที่ชำระกิเลสนั้น มันต้องเกิดจากปัญญาชอบ ปัญญาชอบเกิดจากอะไร ? เกิดจากฐานของศีล ฐานของสมาธิ สมาธิจะรองรับอันนี้

มีด มีดมีทุกคนนะ มีดของบางคนคมกริบเลย มีดของบางคนฟันหินฟันเหล็กมาแล้วทื่อมากเลย มีดเหมือนกัน แต่มีดการใช้งานต่างกัน เห็นไหม ปัญญาของคนก็เหมือนกัน แต่ใช้งานต่างกัน ถ้ามีสมาธิขึ้นมารองรับ มีดมันจะคมกล้า ถ้ามีดมันคมกล้ามันทำอะไรมันก็เป็นประโยชน์ขึ้นมา ถ้ามีดคมกล้าเห็นไหม ปัญญาที่คมกล้ามันจะฟันขึ้นมา แล้วปัญญาอะไร สุตมยปัญญานี่จำมา

ธรรมคือความว่าง ๆ ว่างของใคร? อากาศมันก็ว่าง อากาศนี่มันไม่เคยทำลายใครเลย มันอยู่กลางอากาศ มันว่างหมดเลย แล้วใครเป็นเจ้าของความว่างนั้นล่ะ แล้วว่างของใจ ว่างอย่างไร สมาธิว่างอย่างไร ปัญญาว่างอย่างไร จะย้อนกลับเข้ามาอย่างไร เห็นไหม มีดของใคร ถ้ามีดของเรา ก็ว่าง ๆ แล้วนี่ ฝนตกแดดออกมันก็ว่าง ฝนตกแล้วหยุดไปมันก็ว่าง ว่างของมัน ว่างธรรมชาติของมัน มันเป็นประโยชน์อะไรขึ้นมา แล้วว่างหัวใจของเรานี่ ว่างอย่างนี้มันว่างเกิดดับ ว่างแล้วเดี๋ยวก็ขัดข้อง ว่างแล้วเดี๋ยวมันก็ทุกข์อีก มันว่างอย่างนี้ว่างอะไร

มันว่างอย่างนี้ว่างของความสงบของใจ เห็นไหม มันว่างชั่วคราวคืออนิจจัง ถ้ามันใช้ปัญญาชอบขึ้นมา มีดอันคมกล้าจะย้อนกลับเข้ามาจากภายใน มันมีเหตุมีผลที่ไหน เห็นไหม สิ่งที่มีเหตุผล มองโลกนี้เป็นความว่างทั้งหมดเลย แล้วใครเป็นคนมองล่ะ ให้กลับมา กลับมาคนที่มองว่าเขาว่าง ถ้ามอง บอกกลับมาที่ใจตัวนี้ กลับมาถอนทิฏฐิมานะตัวนี้ ถอนความรู้สึกอันนี้ ถ้าความรู้สึกนี้ พอตัวมันเองมันว่าง เห็นไหม โลกนี้มันว่างโดยธรรมชาติของมัน อนิจจังมันเป็นสภาพอย่างนี้อยู่แล้ว แต่เราไปยึดมันต่างหากล่ะ เราไปพอใจไม่พอใจต่าง ๆ เห็นไหม มันก็เป็นความยึดมัน

ถ้ามันปล่อยอันนี้เข้ามาล่ะ ถ้ามันปล่อยเข้ามา มันปล่อยความว่างเข้ามา มันปล่อยโลกนี้เป็นว่าง โลกนี้ว่างหมดเลย พระพุทธเจ้าสอนให้เป็นความว่าง ว่างอย่างนี้ว่างเกิดอีกนะ ว่างเกิดเพราะอะไร ? เพราะมันมีตัวตน มีเราอยู่เห็นไหม แต่ถ้าถอน ถอนผู้ที่รู้ว่าว่าง ให้ตัวเองเป็นคนว่าง ตัวมันเองนี่ว่าง เพราะตัวมันเองว่างนี่มันจะเอาอะไรไปรับรู้อะไร รับรู้หมด เห็นหมด รู้หมด แต่ไม่ติด ความไม่ติดของมันเห็นไหม นี่ความเพียร ความเพียรชอบ ถ้าเพียรชอบมันจะย้อนกลับเข้ามาในหัวใจของเรา ย้อนกลับมาทำลายความรู้สึกในหัวใจของเรา

มี...มีอยู่เหมือนไม่มี ไม่มีเหมือนมี เหมือนไม่มีเลย แต่มี รู้หมดทุกอย่าง แต่ไม่ได้ไปติดมัน ปล่อยมันไว้ตามธรรมชาติของมัน แล้วตัวเองก็เป็นอิสระของตัวเอง เห็นไหม แล้วมันก็เป็นไปตามธรรมชาติ เพราะอะไร ? เพราะเราเกิดมาเป็นมนุษย์ เหมือนคนเกิดมา เราถูกรางวัลที่ ๑ ขึ้นมา เราใช้เงินใช้ทองไหมล่ะ ถูกรางวัลที่ ๑ ขึ้นมา รางวัลที่ ๑ ก็คือของเรา เห็นไหม

นี่ก็เหมือนกัน พอจิตมันพ้นจากกิเลสแล้ว มันยังมีชีวิตอยู่ ก็เหมือนถูกรางวัลที่ ๑ มันจะใช้ประโยชน์อะไรไป จนถึงที่สุดมันถึงตายไป พอตายไปแล้วนั่นเป็นความจริงของมันแล้ว เพราะจิตมันไม่มีวัตถุไปครอบงำ วัตถุคือร่างกายนี้ไง ภารา หเว ปญฺจกฺขนฺธา พระอรหันต์ที่ยังมีชีวิตอยู่นี่ภาระ การขับถ่าย การกินอยู่นี่เป็นภาระ ภาระทั้งนั้นเลย การสั่งสอนก็เป็นภาระ การรับรู้ก็เป็นภาระ แต่ต้องใช้ภาระไป เพราะอะไร ? เพราะภาระมันเป็นกับเรา เรากับภาระนี่มันเป็นอันเดียวกัน มันก็ต้องแบกหามภาระอันนี้ไป จนถึงที่สุดถ้ามันสลัดออก สลัดคือชีวิตหมดสิ้นไป ภาระไม่มี

ใจที่มีแรงขับ พลังงานคือตัวจิต แรงขับคือกิเลส พลังงานที่ไม่มีแรงขับ พลังงานที่ไม่มีแรงขับเลยมันจะไปได้อย่างไร เห็นไหม พลังงานตัวนั้นพลังงานสะอาด แต่เรามีพลังงานคือมีตัวหัวใจ มีความรู้สึกอยู่ แล้วมีแรงขับ แรงขับคือกิเลสไง แรงขับคือความพอใจเรานี่ไง แรงขับตัวนี้มันพาไป แต่ถ้ามันสิ้นสุดแล้วนี่ มันไม่มีแรงขับเห็นไหม แรงขับมันสูญสิ้นไปแล้ว มันจบสิ้นกระบวนการของมัน

ถ้าจบสิ้นกระบวนการของมัน หัวใจอันนี้มันบริสุทธิ์ ความสงบอย่างนี้ต่างหาก ความว่างอย่างนี้ที่พระพุทธเจ้าปรารถนา พระพุทธเจ้าปรารถนาให้เราหาความว่างอย่างนี้ สร้างความว่างอย่างนี้ แล้วความว่างอย่างนี้มันอยู่ที่ไหน มันอยู่ที่ความรู้สึกของเรา เพราะมันมีเรา มีความรู้สึก มีขัดแย้ง หัวใจมันขัดแย้ง แล้วความขัดแย้งอันนี้ต้องย้อนกลับมา ให้จับผิดตัวตน ให้จับผิดเรา เห็นไหม ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่ย้อนกลับมาที่เรา ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ใช่มีไว้เพื่อไปจับผิดคนอื่น

ไม้บรรทัดที่เราวัดคนอื่น วัด ๆ คนอื่นน่ะ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าไม้บรรทัดวัดใจเรา ดูใจเรา แล้วแก้ที่ใจเรา สิ่งนี้ถ้าเราเป็นคนดีเสียก่อน เราเองพยายามค้นคว้า บ้านของเราสะอาด เราพยายามเช็ดถู บ้านของเราไม่สกปรกเลย ใครจะมาติฉินนินทาว่าบ้านสกปรก เป็นไปไม่ได้ ถ้าบ้านเราฝุ่นเต็มในบ้านเราเลย ใครจะบอกบ้านเราสะอาดขนาดไหน เราเหยียบอยู่ในบ้านเรา เรารู้ว่าฝุ่นขนาดไหน ใจก็เหมือนกัน ถ้าเรารักษาของเรา เราแก้ไขของเราแล้ว ใครจะติฉินนินทาเรื่องของเขา

โลก เห็นไหม คนเรา คิดอย่างหนึ่ง พูดอย่างหนึ่ง ทำอย่างหนึ่ง รู้หน้าไม่รู้ใจ เป็นธรรมชาติของกิเลส เป็นธรรมชาติของความรู้สึก แล้วจะเอาคำว่าประโยชน์ได้อย่างไร เอาประโยชน์คือว่าเอาธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อนแล้ววัดใจเรา เราเป็นคนวัดใจเรา เราเข้าใจใจเรา คนอื่นไม่มีทำของเราให้เสื่อมให้เจริญได้ เราต่างหากทำใจเราให้เสื่อมให้เจริญต่างหาก ใจของเราต่างหาก เรารักษาใจของเราต่างหาก เห็นไหม

ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวนะ ถ้าคนเห็นแก่ตัวอยู่ในสังคม สังคมยุ่งไปหมดเลย นี่ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว แต่ขณะที่กิเลสมันมีพิษอยู่ต้องทำลายกิเลสก่อน เพราะกิเลสมันทำให้เราเจ็บแสบ กิเลสมันทำให้เราทุกข์ยาก แล้วถ้าเราทำความเจ็บแสบอันนี้ให้มันสะอาดขึ้นมาก่อน แล้วเราเป็นประโยชน์สังคม

แต่ถ้าเราไปบอกว่าต้องทำลายความเจ็บแสบของคนอื่นก่อน เห็นไหม ต้องสังคมดีก่อน ต้องทุกคนดีก่อน เราจะไปดีคนสุดท้ายเลย เห็นไหม อิทธิพล เราทำลายเขา ทุกคน เราเป็นผู้มีอิทธิพล แล้วผู้มีอิทธิพลนี่มันจะร้ายกาจนัก ถ้าเราทำลายตัวเราออก อิทธิพล เห็นไหม อิทธิพลของธรรม ถ้ามันเป็นธรรมขึ้นมา มันเป็นการยอมรับ

พระเจ้าอโศกมหาราชทำสงครามชนะหมดเลย เห็นแต่คนตายมหาศาลแล้วเศร้าเสียใจ เห็นไหม เวลาเห็นแล้วเป็นโทษขึ้นมา แล้วมาเผยแผ่ธรรม เห็นไหม เผยแผ่ธรรม เขายอมรับหมด อิทธิพลของธรรม ส่งแต่ความสุขความเจริญไปให้ ส่งแต่ปัญญา ส่งแต่การเสียสละไปให้เขา เขายอมรับ เขายอมรับแล้วเขามาขอด้วย มาขอต้นโพธิ์ มาขอต่าง ๆ พระเจ้าอโศกมหาราช เห็นไหม ส่งแต่คุณงามความดีไง

ถ้าเราดีก่อน คุณงามความดีนี้จะเป็นประโยชน์กับเรา ถ้าเราไม่ดีก่อนนะ ส่งกิเลสไปไม่มีใครเอา ! กิเลสมีแต่ความเศร้าหมอง กิเลสมีแต่ความทุกข์ยาก มันเหยียบย่ำใจเราแล้ว แล้วบังคับให้คนอื่นทุกข์เหมือนเรา ไม่มีใครเอา เอวัง